Thursday, November 8, 2007

BLUR

(ภาพฝันเลือนรางข้างถนน)

หากมีสักคืนที่คุณเดินตรงมาจากสี่แยกบางลำพู (แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกเดินฝั่งซ้ายหรือขวาของถนน เอาเป็นว่า คุณเลือกฝั่งซ้าย ก็แล้วกัน) คุณเดินตรงมาเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ จากสี่แยกบางลำพูมาไม่ไกล คุณจะพบฝั่งทางขวามือของคุณเป็นซอย แต่คนแถวนั้นเขาเรียกว่า ตรอกโรงไหม ภายในตรอกนั้นมีเกสต์เฮาส์ ร้านอาหาร ผับ บาร์สารพัด ผู้คนจะแน่นขนัดในคืนวันศุกร์ ยิ่งคืนวันศุกร์ช่วงสิ้นเดือนด้วยแล้ว คุณลองหลับตานึกถึงแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีในห้วงยามเช่นนี้ ที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ที่นี่อัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ถ้าคุณนึกไม่ออก คุณลองหลับตานึกอีกครั้ง... มันคือความรื่นรมย์ยามราตรีที่ล้นออกมาจากถนนข้าวสาร

ตรอกโรงไหมเป็นทางที่ทอดทะลุไปถึงถนนพระอาทิตย์ แต่คืนนี้คุณไม่อยากไปที่ถนนพระอาทิตย์ เหตุผลนั้นหรือ ช่างคุณเถอะ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ คุณแค่อยากแวะเที่ยวชมบรรยากาศ และที่นี่คุณเห็นเด็กหญิงสองคนเดินเคียงคู่กันขายดอกไม้ และตามหลังมาไม่ห่างคือกลุ่มเด็กชายเด็กหญิงที่กระจายกันเร่ขายของตามร้านรวงต่าง ๆ คุณเห็นวนิพกชราสองผัวเมียเร่ขายเสียงเพลงแลกเศษเงิน คุณนิ่งสดับเสียงเพลงโหยเศร้านั้นจนลืมหยอดเศษเหรียญลงในขันอันบุบบี้ของพวกเขา เสียงเพลงอันบาดลึกนี้กระชากคุณให้วิ่งตามวนิพกชราสองผัวเมียนั้นไป คุณหย่อนเงินลงในขันอันบุบบี้ใบนั้น จำนวนเงินไม่มาก แต่ก็ไม่น่าจะน้อยเกินไปสำหรับวนิพกตายาย สองคน

วนิพกตายายหายลับไปกับแสงสีและฝูงคน แต่เสียงเพลงของพวกเขาเหมือนไม่สร่างความเศร้าไปจากใจ คุณยืนนิ่งเหมือนถูกสะกด ก้มหน้า สบตากับหมาข้างถนนตัวหนึ่ง มันก็คือหมาจรจัดนั่นแหละ เสียดายที่คุณคุยกับหมาไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นคุณคงมีคำถามที่ต้องถามมัน แต่คิดดูอีกที หมาข้างถนนมันอาจไม่อยากวิสาสะกับคุณก็เป็นได้ แต่พลันเมื่อคุณสบตากับมันอีกครั้ง คุณบอกตัวเองได้ทันทีเลยว่า มันก็คือหมาเศร้าตัวหนึ่ง เท่านั้น

คุณเดินเลาะเลียบไปตามรั้วกำแพงวัดชนะสงครามเพื่อจะกลับออกไปสู่ปากตรอก คุณเอามือระไล่ไปตามกำแพงซีเมนต์ของวัด คุณรู้สึกได้ในสัมผัสนั้นว่า กำแพงมิอาจกั้น แต่มันเป็นเพียง การขีดเส้น เพราะข้าง ๆ รั้วกำแพงวัดนั้น ราตรีกำลังเริงระบำ คุณเริ่มสับสนระหว่างกิเลสตัณหากับการปล่อยวาง หรือว่าสองสิ่งนี้ต่างก็เป็นฉากม่านของกันและกัน

คำถามนั้นเริ่มนอนนิ่งสงบในใจ ขณะเท้าของคุณก้าวไปจนถึงปากตรอก คุณเลี้ยวขวา แต่เท้าของคุณต้องหยุดชะงักลง คุณมองเห็นหญิงยิปซีและหมาของนางนอนสลบไสลอย่างอ่อนล้า ราวกับว่าหญิงยิปซีและฝูงหมาของนางเดินทางมาจากดินแดนอันไกลแสนไกล เนื้อตัวของนางสกปรกมอมแมม ผมเผ้ายาวเลื้อยรุงรัง ผ้าถุงและเสื้อที่นางสวมใส คุณไม่อาจแยกแยะสีสันและรูปทรงได้ รถเข็นเก่า ๆ ที่นางใช้ขนสัมภาระถูกห่อคลุมด้วยผ้าผืนใหญ่เก่าขาดและปุปอน สัมภาระนั้นมันเกินกว่าที่คุณจะคิดและจินตนาการได้ว่าเป็นสิ่งของชนิดใด คุณจนปัญญาและนางไม่เปิดโอกาสให้คุณแม้แต่จะเดา ยิ่งการที่จะเดินเข้าไปพูดคุยกับนางด้วยแล้ว คุณเลิกคิดได้เลย ฝูงหมาราว ๆ 7-8 ตัว ห้อมล้อมระวังภัยให้เจ้านายของมันอยู่ เสียงครางฮือฮือในลำคอ และการแสยะเขี้ยวอย่างดุร้าย นั่นก็ทำให้คุณสยองขวัญแล้ว นางมาจากสถานที่ใดกันแน่นะ นางมาจากอดีตกาลหรืออนาคต หรือว่านางอยู่ที่นี่มาแล้วชั่วนิรันดร์ และนั่นเองที่ทำให้คุณเรียกนางว่า หญิงยิปซีและหมาของนาง

คุณก้าวเท้าเดินต่อไป ด้วยสภาพจิตที่ยังไม่สิ้นสงสัย ถ้าคุณไม่มีบุคลิก นิสัย หรือสันดานเดินก้มมองตีนตัวเองแล้วละก็ คุณเป็นต้องเดินเหยียบหัวเด็กชายคนหนึ่งที่นอนหลับอุตุอยู่ริมฟุตปาธนั้นเป็นแน่ ข้าง ๆ กายของเด็กชายมีขันพลาสติกใบหนึ่งรองรับเศษสตางค์จากผู้ใจบุญที่เดินผ่านไปมา และที่อิงแอบอยู่แนบข้างขันใบนั้นก็คือแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความภาษาอังกฤษขึ้นต้นด้วยคำว่า Please…และถัดจากร่างอันหลับใหลของเด็กชายนั้นเป็นที่สุมรวมของถังขยะอันอุดมไปดวยปฏิกูลนานาชนิด และถัดจากขยะเหล่านั้นไปเป็นที่หลับนอนของชายขาขาดและเมียของเขา ชายขาขาดกำลังนั่งกรอกเหล้าขาวเข้าปากพร้อมกับบ่นสบถคำหยาบคายอยู่มิได้ขาด ส่วนเมียของเขานั้นนั่งอัดควันบุหรี่ด้วยอาการทอดถอนใจ

คุณเดินผ่านสองผัวเมียนั้นจนมาถึงประตูวัดชนะสงคราม ประตูที่เป็นทางออกของรถที่เข้าไปอาศัยจอดในวัด คุณไม่รู้หรอกว่าเขาเสียค่าจอดกันเท่าไหร่ เพราะคุณไม่เคยเอารถเข้าไปจอดข้างในนั้น พูดให้ถูกก็คือคุณไม่มีรถยนต์ที่จะเอาไปจอด และยังไม่รู้เลยว่าชาตินี้คุณจะมีรถยนต์ให้เอาไปจอดกับเขาหรือเปล่า แต่ก็ช่างหัวคุณเถอะ คุณอย่าไปสนใจคุณเลย !

คุณแวะเข้าไปในตู้โทรศัพท์ โทรไปจู๋จี๋กับหญิงสาวคนที่คุณบอกว่ารักเธอปานจะกลืนกิน และคืนนี้คุณก็ถือโอกาสนัดพบกับเธอที่ถนนข้าวสาร ในร้านที่คุณกับเธอพบกันครั้งแรก-รักแรกพบ

คุณเดินผ่านแผงขายภาพลายไทยของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง คุณได้ยินเขาพูดกับฝรั่งเป็นภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยแบบตามใจคุณความว่า “เชิญเข้ามาชมก่อนครับ ไม่ซื้อผมไม่ว่า” อะไรทำนองนั้น แต่คุณไม่ยักจะเห็นฝรั่งหน้าไหนควักเศษสตางค์ซื้อภาพลายไทยของชายวัยกลางคนคนนั้นเลย โอวว... ช่างหัวชายวัยกลางคนที่เป็นคนไทยคนนั้นเถอะ ... แล้วคุณก็เดินต่อไป แล้วคุณก็มาหยุดอยู่หน้าวัด ในช่วงบริเวณที่อยู่ตรงข้ามกับ สน.ชนะสงคราม คุณมองเข้าไปในวัดโดยไม่รู้สึกอะไร คุณมองเข้าไปในสน.ชนะสงครามโดยที่ไม่ได้อยากดูอะไร แต่ - คุณเห็นหญิงสาวหลายคนแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ แต่งหน้าทาปากซะเปรี้ยวจี๊ด ทั้งยืน ทั้งนั่ง รวมกลุ่มกันอยู่บริเวณทางเท้าหน้า สน.ชนะสงคราม พวกหล่อน ๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วแววไว แต่คุณก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกลกว่าสิ่งที่ตาคุณเห็น-ชุมนุมนม

...คุณยืนหันรีหันขวาง มองข้ามหัวขอทานคนหนึ่งไปจนไม่เห็นว่าเขาหมอบกราบกรานอยู่แทบบาทา ฝรั่งหลงทางคนหนึ่งแบกเป้เดินสะเปะสะปะเข้ามาสอบถามอะไรบางอย่างจากคุณที่คุณฟังเท่าไหร่ก็จับใจความได้ว่า “จับประหลาดีวะ? จับประหลาดีวะ?” คุณไม่รู้ว่าหมอนี่มันพูดภาษาคนหรือเปล่า คุณเห็นแต่เครื่องหมายคำถามในดวงตาของมัน คุณชี้นิ้วบอกให้หมอเข้าไปใน สน.ชนะสงคราม ซึ่งในสน.น่าจะมีแผนกให้บริการสอบถามเส้นทางแก่ชาวต่างชาติ อย่ามาฝากความหวังไว้กับคนอย่างคุณที่ภาษาอังกฤษคุณรู้จักและกระดิกแค่คำว่า ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (จะฟาดแข้งกันวันไหน) และถ้าคุณมีแฟนเป็นสาวอังกฤษป่านนี้เธอคงกลับถึงลอนดอนโดยสวัสดิภาพแล้ว

จับประหลาดีวะ...จับประหลาดีวะ...คุณทำปากขมุบขมิบและท่องทวนย้ำคำนี้อยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จับประหลาดีวะ...จับประหลาดีวะ... คุณพยายามคิดให้ออก คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ละ ลองได้สงสัยและมีอะไรมาสะกิดให้ได้คิดละก็ คุณก็จะดันทุรังคิดมันอยู่อย่างนั่นล่ะ ย้ำคิดย้ำทำมันอยู่นั่น คิดจนสมองจะระเบิด ก็คิดไม่ออก และคุณไม่เป็นอันทำอะไร คุณต้องคิดให้ออกก่อน จะทำอะไรค่อยว่ากันทีหลัง มันพูดอะไรของมันนะ จับประหลาดีวะ...จับประหลาดีวะ...คุณเดินท่องคำคำนี้มาจนจวนจะถึงสนามหลวง จับประหลาดีวะ...จับประหลาดีวะ... ไอ้หอกหักนั่นมันจะไปจับปลาห่าเหวที่ไหนวะ !! คุณตะโกนออกมาจนสุดเสียงจนทำให้คนที่เดินอยู่ใกล้ ๆ ตกใจผวาไปตาม ๆ กัน เอ้อ! ใช่สิ! แล้วคุณก็กระซิบกับตัวเองเบา ๆ ออกท่าทางเหมือนคนฉลาดหลักแหลมเสียเต็มประดา จับประหลา จับลา จับปลา หรือว่าจะเป็น... เจ้าพระยา!!! ใช่แล้ว และมันก็ต้องเป็น เจ้าพระยาริเวอร์!เจ้าพระยาริเวอร์ซะด้วยสิ คุณหันหลังขวับ! ใจนั้นกระโจนกลับไปหาเจ้าฝรั่งคนนั้น เจ้าพระยาริเวอร์ คุณต้องกลับไปให้ความกระจ่างแก่ฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ก็สายไปเสียแล้ว คุณมาไกลเหลือเกิน...

คุณกลับมาถึงห้องพักด้วยความอ่อนล้า คุณไปกัดกับหมาที่ไหนมาวะเนี่ย คุณก้มมองสำรวจดูสารรูปตัวเอง และในวินาทีนั้นคุณนึกขึ้นได้ว่า คุณลืมขอทานคนนั้นไปเสียสนิท และคลับคล้ายคลับคลาว่า คุณลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไป แล้วคุณก็เริ่มคิด... คิด...