Thursday, July 12, 2007

หน้าต่างสายฝน... ตะกร้าหวาย ดอกไม้ และใบเฟิร์น




มองฝนที่พรมพราย ด้วยสายตาพร่าเลือน บางสิ่งย้ำเตือน ในบ้านหลังเก่า ...

ท่อนแรกของเพลง ตะกร้าหวาย – ดอกไม้ – ใบเฟิร์น /BASKET-FLOWERS-FERNS อัลบั้ม การเดินทางของ “ตะกร้า” (The Journey of Basket) ของ รังสรรค์ ราศี-ดิบ การันตีด้วย 2 รางวัลสีสันอะวอร์ด ครั้งที่ 14 (SEASON AWARDS 2001) จากอัลบั้มยอดเยี่ยม (Best New Artist of The Year)

เพราะนึกถึงใครบางคน กับสายฝนนอกหน้าต่าง จึงทำให้คุณต้องค่อยๆ เอื้อมมือล้วงเข้าไปหยิบแผ่นเพลงนี้ (ต้องค่อยๆ ล้วงเข้าไป เพราะข้างในนั้นมีแต่สิ่งเปราะบาง) ในซอกมุมที่อยู่ลึกที่สุด เอาออกมาปัดฝุ่นและเปิดฟังอีกครั้ง

บางความทรงจำ คุณพบว่า มันยังคงชัดเจนอยู่เสมอ

บางครั้ง กับบางคำถาม และใครบางคนที่เขาห่วงใยคุณ ว่า... “มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าให้ฟังได้ไหม” ต่อคำถามของใครคนนั้น บางครั้ง เพลงบางเพลงคล้ายตอบแทนความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่คุณมี และบางที คำตอบของคุณมีเพียงสายลมหวีดหวิว...

ยิ่งนานยิ่งเหงา สำเนียงเสียงฟ้ากระหน่ำ ตะกร้าหวายย้ำให้ย้อนคิดถึงเรื่องราว...

เนื้อร้องอันหวานเศร้าราวบทกวีของเพลง ตะกร้าหวาย – ดอกไม้ – ใบเฟิร์น คือสัมผัสอันพลิ้วไหว แผ่วหวาน ของลำธารสายเล็กๆ ที่กำลังรินละล่องไหลผ่านวิญญาณของคุณ... คุณหลับตา และราวกับว่าคุณกำลังเคลิ้มไปกับลำธารสายเหงานั้น ด้วยอาการกึ่งฝันกึ่งตาย...

นี่มันเป็นจินตนาการหรือความทรงจำกันแน่นะ

เมื่อนานมาแล้ว ที่แนวริมหน้าต่างนั่น ใบเฟิร์นเหล่านั้น เสียบซ้อนไม้งามกลิ่นหอม พร้อมหยาดเม็ดฝน หยดน้ำเกาะพรมประกาย มีสายสัมพันธ์งดงามของคนสองคน...

ความทรงจำยิ่งงดงามเพียงใด มันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้คุณเพียงนั้น

บทเพลงกำลังนำคุณเข้าไปสู่ดินแดนของความทรงจำ คุณไม่รู้ทางออก ไม่เห็นทางออก และไม่สนใจว่ามันจะมีทางออกหรือไม่ คุณอยากมีชีวิตอยู่ในนั้น เป็นพระราชาของอาณาจักรแห่งความทรงจำ แต่ฉับพลัน! ความเจ็บปวดรวดร้าวไม่รู้มาจากไหน มันแล่นเสียดลึกเข้าสู่ขั้วหัวใจ ราวไฟพิษ พร้อมกับเกิดคำถามประดังถั่งโถมตามมาว่า แท้จริงแล้ว ความจริงหรือความทรงจำกันแน่ที่ทำให้คุณเจ็บปวด หรือว่าทั้งสองอย่าง!

วินาทีนั้น คุณอยากตาย...

แต่มาบัดนี้ เธอพบกับความหมางเมิน ใบเฟิร์นแห้งเหลือง-ร่วงหล่น ดอกไม้หม่นเศร้า อับเฉา-โรยรา ตะกร้าหวายป่า ไม่อาจสานสัมพันธ์เปราะบาง...
บทเพลงทำให้คุณนึกถึงถ้อยคำของใครบางคน “คุณยิ่งวิ่งตาม เธอยิ่งวิ่งหนี ยิ่งคุณรอคอย เธอยิ่งไม่มา หากคุณหยุดนิ่ง ดำรงชีวิตตามปกติธรรมดาของคุณไป อาจจะด้วยวิถีโคจรของสรรพสิ่ง หรือจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรก็ตามแต่ วันหนึ่ง เธออาจหวนกลับมาหาคุณเอง และเมื่อวันนั้นมาถึง คุณยังจะต้องการเธออยู่อีกไหม - คำตอบอาจเศร้ายิ่งกว่า-ยิ่งกว่าความเศร้าใดของคุณ”

กว่าจะได้รู้ มองและเห็นคุณค่า ก็เมื่อถึงเวลาที่ต้องสูญเสียสิ้นไป...

ท้ายที่สุดแล้ว ถามว่า คุณใจกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริงไหม และใจกว้างพอที่จะยอมรับมันได้หรือเปล่า

เจ็บ... แล้วก็จบ พบ... แล้วก็จาก จะมีสิ่งใดแน่นอน...

เพลงตะกร้าหวาย – ดอกไม้ – ใบเฟิร์น จบไปนานแล้ว ...ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง คุณลุกจากเก้าอี้ไม้ และราวกับว่าคุณกำลังเดินออกมาจากภวังค์หลับใหล เหมือนได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกขาน เสียงเจื้อยแจ้วแว่วหวานนั้นกังวานมาจากที่ใดกันแน่นะ เป็นความทรงจำ หรือความจริง ความจริง หรือความทรงจำ...


***มอบแด่น้องชายคนหนึ่ง

5 comments:

วิภพ ล้อมเขต said...

อีกภาคหนึ่งของความทรงจำก็คือความจริงนั่นแหละพี่

Anonymous said...

เหมือนน้องชายคนนั้นจะรู้ตัวแล้วนะพี่ ว่าพี่พยายามจะบอกอะไร แต่ก็เหมือนเคย ที่ไม่ยอมรับความจริง และไม่ยอมลบความทรงจำซะที...ก็คงต้องเหนื่อยใจต่อไปเช่นเคย...

จากถ้อยคำที่ถอดมา "ไม่สนใจว่ามันจะมีทางออกหรือไม่ คุณอยากมีชีวิตอยู่ในนั้น เป็นพระราชาของอาณาจักรแห่งความทรงจำ แต่ฉับพลัน! ความเจ็บปวดรวดร้าวไม่รู้มาจากไหน มันแล่นเสียดลึกเข้าสู่ขั้วหัวใจ ราวไฟพิษ พร้อมกับเกิดคำถามประดังถั่งโถมตามมา"

Anonymous said...

น้องคนนั้น เป็นอะไรมากหรือเปล่า
หรือว่าคิดถึงหนุ่มใส่แว่นคนนั้นจนไม่อยากจะได้ยินแม้แต่ชื่อเขาน้อออ haha...

sun on head said...

น้องชายคนหนึ่งพยายามจะบอก อะไรหรือเปล่า ว่า "เรื่องของตัวเองเอาให้รอดก่อนที่จะไปยุ่งเรื่องของคนอื่น" ha ha ว่าแต่ว่า ถ้าแน่จริงก็ถามเรื่องราวทั้งหมดจากเจ้าตัวให้กระจ่างก่อนที่จะไปสรุปเอาเอง แล้วมาสร้างเรื่องเสียหายให้กับคนอื่นเสียก่อนนะ เพราะบางเรื่องมันก็แค่การตัดบท แต่บางเรื่องของบางคนก็เป็นแค่การเปลี่ยนประเด็นเพื่อให้ตัวเองได้ตัดใจ...หายใจกับความเจ็บ มันก็ยิ่งสะเทือนแผลเปล่าๆ น้องเอ๋ย

Anonymous said...

เศร้าจัง คนเขียนเหงาไม่แพ้น้องชายคนนั้นหรือเปล่า ถ่ายทอดซะหนูคนนี้สะเทือนใจ

เง้อออ T_T